"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน" "อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน

http://guru.sanook.com

AddThis http://www.blognone.com"

Bookmark and Share Blognone

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

ปริศนาเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

ปริศนาเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

อยากรู้มั้ย ว่าแต่ละตำแหน่งหมายถึงอะไร ค้นหาคำตอบได้ที่นี่

โดย ความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเรียนหรือทำอะไร ตัวเลขก็ล้วนมีเอี่ยว หรือมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคนเราเสมอ และในทางกลับกัน ตัวเลขบางตัวอาจจะทำให้เรามีความสุขขึ้นด้วยซ้ำ เช่น ตัวเลขเพิ่มขึ้นของเงินเดือนหรือโบนัส ตัวเลขในบัญชีรายรับ ตัวเลขมูลค่าเพิ่มของหุ้นที่เราซื้อ ฯลฯ ยกเว้น ตัวเลขดอกเบี้ยเงินกู้ ที่งามโดยไม่ต้องรดน้ำ หรือตัวเลขยอดหนี้ที่ยังไม่จ่าย ส่วนตัวเลขที่น่ารังเกียจอีกตัว คือ ตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นของสาวๆ ที่ยังไม่แต่งงาน เป็นต้น

นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมี “ตัวเลข” ที่เกี่ยวพันกับความเชื่อต่างๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศอีกหลายตัว เช่น คนไทยถือว่า เลข 9 เป็นเลขมงคล เพราะออกเสียงว่า “เก้า” ที่พ้องกับคำว่า “ก้าว” อันหมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน เราจึงเห็นคนไทยจำนวนไม่น้อย ไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัดเพื่อความเป็นสิริมงคล จนได้กลายมาเป็นการ “ทำบุญ” อีกรูปแบบที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย 

สำหรับ ฝรั่ง เขาจะถือว่า เลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์ หรือเลขอัปมงคล  หรือเรียกกันว่า ลัคกี้นัมเบอร์ (Lucky number) สาเหตุมาจากอาหารมื้อสุดท้าย ของพระเยซูคริสต์ ที่เรียกกันว่า เดอะลาสซับเปอร์ (The Last Supper) นั้น มีสาวกร่วมโต๊ะพร้อมกับพระองค์ นับรวมแล้วได้ 13 คนพอดี ครั้นวันรุ่งขึ้นซึ่งตรงกับวันศุกร์ พระองค์ก็ถูกจับตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ เขาจึงถือว่าวันศุกร์ที่ตรงกับวันที่ 13 เป็นวันโชคร้าย

แม้ว่าเลข 13 จะเป็นเลขอาถรรพ์ของฝรั่ง แต่คนไทยโดยทั่วไป ไม่ได้ถือกับตัวเลขดังกล่าว และที่น่าสนใจคือ มี เลข 13 ที่เกี่ยวพันโดยตรงกับคนไทย ซึ่งเชื่อว่า คงมีคนอีกไม่น้อยไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือ เลขประจำตัวประชาชนในบัตรประชาชน หรือที่เดี๋ยวนี้เรียก สมาร์ทการ์ด ที่มีด้วยกัน 13 หลัก และแต่ละหลักก็มิใช่แค่เป็นเพียงจำนวนนับธรรมดาๆ แต่มีความหมายแฝงอยู่ด้วย ซึ่งกลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ขอนำมาเสนอเพื่อเป็นความรู้ ดังนี้

สมมุติว่า เลขบัตรประชาชนของเราเขียนไว้ว่า 1 1001 01245 29 9  (เขียนเว้นวรรค ตามแบบ) แต่ละหลักก็จะมีความหมายดังนี้

หลักที่ 1 (คือหมายเลข 1 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง ประเภทบุคคล ซึ่งมีอยู่ 8 ประเภทได้แก่

ประเภท ที่ 1 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย และได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 เป็นต้นไป อันเป็นวันเริ่มแรกที่เขาประกาศให้ประชาชนทุกคน ต้องมีเลขประจำตัว 13 หลัก เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือสำนักทะเบียนในเขตที่อยู่ภายใน 15 วันนับแต่เกิดมา ตามที่กฎหมายกำหนด เด็กคนนั้นก็ถือเป็นบุคคลประเภท 1 และจะมีเลขประจำตัวขึ้นด้วยเลข 1 เช่น เด็กหญิงส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2527 และพ่อไปแจ้งเกิดที่เขตดุสิตภายในวันที่ 17 มกราคม 2527 เด็กหญิงส้มจี๊ด ก็จะมีหมายเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 1 และก็ต่อด้วยเลขหลักอื่นๆ อีก 12 ตัว เป็น 1 1001 01245 29 9 เป็นต้น ซึ่งเลขนี้จะปรากฏในทะเบียนบ้าน และจะเป็นเลขประจำตัว เมื่อส้มจี๊ดไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 15 ปี

ประเภท ที่ 2 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป แล้วบังเอิญว่าพ่อแม่ผู้ปกครองลืมหรือติดธุระ ทำให้ไม่สามารถไปแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตภายใน 15 วันตามกฎหมายกำหนด เมื่อไปแจ้งภายหลัง เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 2 และจะมีเลขตัวแรกในทะเบียนบ้านขึ้นด้วยเลข 2 ทันที เช่น ในกรณีส้มจี๊ด หากพ่อไปแจ้งเกิดให้ ในวันที่ 18 มกราคม 2527 หรือเกินกว่านั้น ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวเป็น 2 1001 01245 29 9 ในทะเบียนบ้าน และเมื่อไปทำบัตรประชาชนในภายหน้า

ประเภทที่ 3 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในสมัยเริ่มแรก (คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527) หมายความว่า บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทย มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 คนนั้นถือว่าเป็นบุคคลประเภท 3 และก็จะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 3 เช่น ส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2501 และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแล้ว ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวในทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเป็น 3 1001 01245 29 9

ประเภทที่ 4 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ในสมัยเริ่มแรก หมายความว่า คนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าว ที่อาจจะเป็นบุคคลประเภท 3 คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เลขประจำตัว ก็ขอย้ายบ้านไปเขตหรืออำเภออื่น ก่อนช่วงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ก็จะเป็นบุคคลประเภท 4 ทันที เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในสำนักทะเบียนเขตคลองสาน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2527 ส้มจี๊ดก็ขอย้ายบ้านไปเขตดุสิต โดยที่ส้มจี๊ดยังไม่ทันได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสาน พอแจ้งย้ายเข้าเขตดุสิต ส้มจี๊ดก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 4 มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วย 4 กลายเป็น 4 1001 01245 29 9 ทันที แต่ถ้าส้มจี๊ดย้ายจากเขตคลองสานเดิม ไปเขตดุสิต หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 ส้มจี๊ดก็ยังเป็นบุคคลประเภท 3 อยู่ เพราะถือว่าจะได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสานแล้ว จะย้ายอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง

การกำหนดให้บุคคลเริ่มมีเลขประจำตัว 13 หลักในทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2527 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 อันเป็นวันสุดท้าย ของการดำเนินการให้ประชาชน ที่ไม่มีเลขประจำตัวในบัตรหรือทะเบียนบ้าน ได้มีเลขประจำตัวจนครบแล้วนั้น ก็เพราะก่อนหน้านี้ ประเทศไทยยังไม่เคยมีการกำหนดเลขประจำตัวดังกล่าวมาก่อนเลย ดังนั้น ช่วงที่ว่าจึงเป็นระยะเวลาจัดระบบให้เข้าที่เข้าทาง เพราะหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 แล้ว ทุกคนจะต้องมีเลขประจำตัวเพื่อสำแดงตนว่า เป็นบุคคลประเภทใด โดยดูตามเงื่อนไขในแต่ละกรณี ซึ่งมีอีก 4 ประเภท คือ

ประเภท ที่ 5 คือ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่นๆ เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตดุสิตอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าตอนที่มีการสำรวจรายชื่อผู้อยู่ในบ้าน เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ชื่อของส้มจี๊ดหายไปจากทะเบียนบ้าน เมื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่และตรวจสอบแล้วว่าตกสำรวจจริง หรือจะเป็นเพราะกรณีอื่นใดก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็จะเพิ่มชื่อให้ แต่ส้มจี๊ดก็จะมีหมายเลขในทะเบียนบ้านเป็นบุคคลประเภท 5 และบัตรประชาชนจะขึ้นต้นด้วยเลข 5 ทันที คือ กลายเป็น 5 1001 01245 29 9

ประเภท ที่ 6 คือ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว กล่าวคือ คนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้สัญชาติไทย เพราะทางการยังไม่รับรองทางกฎหมาย เช่น ชนกลุ่มน้อยตามชายแดน หรือชาวเขา กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบุคคลที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ชั่วคราว เช่น นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย แม้บางคนจะถือพาสปอร์ตประเทศของตน แต่อาจจะมีสามีหรือภริยาคนไทย จึงไปขอทำทะเบียนประวัติ เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านสามีหรือภริยา คนทั้งสองแบบที่ว่า ถือว่าเป็นบุคคลประเภท 6 เลขประจำตัวในบัตรจะขึ้นต้นด้วยเลข 6 เช่น 6 1012 23458 12

ประเภท ที่ 7 คือ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย คนกลุ่มนี้ในทะเบียนประวัติจะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 7 เช่น 7 1012 2345 133

ประเภทที่ 8 คือ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ผู้ที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย ตั้งแต่หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนปัจจุบัน คนกลุ่มนี้เลขในทะเบียนประวัติจะขึ้นด้วยเลข 8 เช่น 8 1018 01234 24 7

คนทั้ง 8 ประเภทนี้ จะมีเพียงประเภทที่ 3, 4 และ 5 เท่านั้น ที่จะมีบัตรประชาชนได้เลย ส่วนประเภทที่ 1 และ 2 จะมีบัตรประชาชนได้ ก็ต่อเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ทำบัตรประจำตัวประชาชน คืออายุ 15 ปี แต่สำหรับบุคคลประเภทที่ 6, 7 และ 8 จะมีเพียงทะเบียนประวัติเล่มสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการออกบัตรประชาชนให้

ต่อ ไปคือ หลักที่ 2 ถึงหลักที่ 5 (เลข 1001 ในตัวอย่างหรือสี่ตัวถัดไปจากตัวแรก) จะหมายถึง รหัสของสำนักทะเบียน หรืออำเภอที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนขณะที่ให้เลข ซึ่งก็หมายถึงถิ่นที่อยู่ของเรานั่นเอง กล่าวคือ เลขหลักที่ 2 และ 3 จะหมายถึงจังหวัดที่อยู่ ส่วนหลักที่ 4 และ 5 หมายถึงเขตหรืออำเภอในจังหวัดนั้นๆ เช่น ถ้าเขียนว่า 1001 ก็หมายถึงว่า คุณอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ในเขตดุสิต เพราะ 10๐ ในหลักที่ 2 และ 3 หมายถึงกรุงเทพมหานคร ส่วนเลข 01 ในหลักที่ 4 และ 5 คือรหัสของสำนักทะเบียนเขตดุสิต หรือถ้าเขียนว่า 1101 ก็จะหมายถึง อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมือง เพราะ 11 แรกคือ รหัสจังหวัดสมุทรปราการ และ 01 หลัง คือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นต้น

สำหรับ หลักที่ 6 ถึงหลักที่ 10 (เลข 01245 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง กลุ่มที่ของบุคคลแต่ละประเภท ตามหลักแรก (หลักที่ 1) ซึ่งทางสำนักทะเบียนในแต่ละแห่ง ก็จะจัดกลุ่มเรียงไปตามลำดับ หรือหากเป็นเด็กเกิดใหม่ในปัจจุบัน เลขดังกล่าวก็จะหมายถึง เล่มที่ของสูติบัตร (ใบแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตออกให้) ซึ่งก็คือเลขประจำตัวในทะเบียนบ้านของเด็กที่แต่ละอำเภอหรือเขตออกให้ และจะไปปรากฎในบัตรประชาชน เมื่อถึงอายุต้องทำบัตรนั่นเอง แต่ถ้ายังไม่ถึงเกณฑ์เลขนี้ ก็จะปรากฏอยู่แค่ในทะเบียนบ้านของเด็กเท่านั้น

หลัก ที่ 11 และ 12 (หมายเลข 29 ในตัวอย่างสมมุติ) จะหมายถึง ลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท เป็นการจัดลำดับว่าเราเป็นคนที่เท่าไรในกลุ่มของบุคคลประเภทนั้นๆ

หลักที่ 13 (เลข 9 ตัวสุดท้ายในตัวอย่าง) จะหมายถึง ตัวเลขสำหรับตรวจสอบความถูกต้องของเลขทั้ง 12 หลักแรกอีกที

สำหรับ เลขตั้งแต่หลักที่ 6 ถึง 13 นี้เป็นการจัดหมวดหมู่ และเรียงลำดับบุคคลในแต่ละประเภทของสำนักทะเบียนในแต่ละท้องที่ ซึ่งเราก็คงไม่ต้องรู้รายละเอียดอะไรลึกไปกว่านี้ เพราะรู้แล้วอาจจะงงเปล่าๆ

เป็นเรื่องน่าแปลกว่า ตัวเลข 13 หลักที่เป็นหมายเลขในบัตรประชาชน หรือเลขประจำตัวประชาชนของเราแต่ละคนนี้ จะไม่มีการซ้ำกันเลย ผิดกับชื่อหรือนามสกุล ยังมีซ้ำกันได้ และจะเป็นเลขประจำตัวเราจนตาย ไม่มีการเปลี่ยน หรือยกให้คนอื่น และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ในอนาคตจะต้องมีการเติมเลข อย่างเลข 8 เข้าไปอีก เพราะเลขไม่พอใช้เหมือนโทรศัพท์มือถือหรือไม่ เขาก็บอกว่าคงอีกนาน อาจจะถึง 100 ปีโน่น เพราะการที่เขาแยกแยะบุคคลเป็นประเภทต่างๆ และยังแยกย่อยเป็นจังหวัดอำเภอ แล้วลงรายละเอียดไปเป็นกลุ่มๆในแต่ละประเภทอีกนั้น ทำให้เพดานหรือช่วงตัวเลขมีความห่างมาก จนสามารถรองรับจำนวนคนได้อีกมาก และหากใครสงสัย หรือมีปัญหาในเรื่องทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส บัตรประชาชน ก็สามารถสอบถามไปได้ที่ สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โทร. 1548

ตัว เลข 13 หลักที่กล่าวข้างต้น  เป็นเลขประจำตัวประชาชนของแต่ละคนนี้ แม้จะมิใช่ตัวเลขที่เราต้องใช้เป็นประจำในชีวิตประจำวัน ยกเว้นใช้ในการกรอกเอกสารบางอย่าง เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร ฯลฯ แต่เลขนี้ก็มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการสำแดงตัวตน “ความเป็นคนไทยหรือคนในประเทศไทย” ที่ทำให้เราสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทย และใช้สิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้

http://www.talkystory.com/site/article.php?id=4978

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://gotoknow.org/blog/krunoppol/

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

หนังน่าดูสุดสัปดาห์: ของเก่าน่าสนใจจากสัปดาห์ที่แล้วและเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพฯ


ฝันโคตรโคตร


District 9


Miao Miao

 
วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 18:00:05 น.  มติชนออนไลน์

หนังน่าดูสุดสัปดาห์: ของเก่าน่าสนใจจากสัปดาห์ที่แล้วและเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพฯ

สุดสัปดาห์นี้ ภาพยนตร์น่าสนใจส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่ตกค้างมาจากสัปดาห์ที่แล้ว


เริ่มตั้งแต่หนังไทยเรื่อง "ฝันโคตรโคตร" ของ "พิง ลำพระเพลิง" ซึ่งอาจถือเป็น "หนังส่วนตัว" ของผู้กำกับที่สืบเนื่องมาจากหนังเรื่อง "โคตรรักเอ็งเลย" อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ก็มีเรื่องราวและการลำดับเรื่องที่ซับซ้อนแพรวพราวน่าสนใจอยู่มิใช่น้อย


ฝันโคตรโคตรได้รับเรตติ้ง น15+ คือ เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป


หนังน่าสนใจเรื่องต่อมาคือ "District 9" ของผู้กำกับ "นีล บลอมแคมป์" ซึ่ง "ปีเตอร์ แจ๊กสัน" ผู้กำกับภาพยนตร์ไตรภาคชื่อดังเรื่อง "The Lord of the Rings" ภูมิใจนำเสนอด้วยตัวเอง


โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือเป็นหนังที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง มนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวซึ่งมีเนื้อหาไม่ธรรมดา หากแต่กลับมีนัยยะทางสังคมการเมืองที่ลึกซึ้งน่าสนใจ ทั้งนี้ หนังได้รับเรตติ้ง น15+ เช่นเดียวกันกับฝันโคตรโคตร


ปิดท้ายด้วย "Miao Miao" ภาพยนตร์รักโรแมนติกของผู้กำกับ "เจิ้งเสี่ยวเซียะ" ชาวไต้หวัน ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวว่าด้วยความรักครั้งแรก ความผิดหวังครั้งแรก และการเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ของเด็กสาว 2 คน ที่มีพื้นฐานชีวิตแตกต่างกัน


หนังไต้หวันเรื่องนี้ได้รับเรตติ้งเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป และเข้าฉายที่โรงภาพยนตร์เฮาส์ อาร์ซีเอ เพียงเท่านั้น


นอกจากนี้ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯครั้งล่า สุดยังเริ่มขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา โดยในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ก็มีภาพยนตร์น่าสนใจในเทศกาลหลายเรื่อง เช่น

 

"BURMA VJ: REPORTING FROM A CLOSED COUNTRY" (ฉายวันที่ 26 กันยายน เวลา 15.00 น.ที่โรงหนังเอสเอฟ เวิลด์ ซินีม่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า)

 

"Kinatay" (ฉายวันที่ 26 กันยายน เวลา 20.00 น. ที่โรงหนังพารากอน ซินีเพล็กซ์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน)

 

"Dogtooth" (ฉายวันที่ 26 กันยายน เวลา 20.40 น. ที่โรงหนังพารากอน ซินีเพล็กซ์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน)

 

"Vincere" (ฉายวันที่ 27 กันยายน เวลา 20.00 น. ที่โรงหนังเอสเอฟ เวิลด์ ซินีม่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า)

 

และ "สวรรค์บ้านนา" (ฉายวันที่ 27 กันยายน เวลา 18.50 น. ที่โรงหนังเอสเอฟ เวิลด์ ซินีม่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า)


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1253875626&grpid=no&catid=08

--
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp
http://www.bangkokfilm.org

แนะนำหนังน่าสนใจในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ: หนังยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้


มาโนเอล เดอ โอลิเวียร่า ผู้กำกับวัยเกิน 100 ปี ชาวโปรตุเกส


Huacho


Antichrist


Dogtooth


I Killed My Mother


Vincere

 
วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 18:30:34 น.  มติชนออนไลน์

แนะนำหนังน่าสนใจในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ: หนังยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้

หนังกลุ่มสุดท้ายที่น่าสนใจในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ก็คือ หนังนานาชาติ ซึ่งได้แก่หนังจากทวีปยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ เช่น


"Eccentricities of a Blonde Hair Girl" หนังที่เล่าเรื่องราวความรักอันเต็มไปด้วยขวากหนามของชายหนุ่มชื่อ "มาคาริโอ้" เริ่มต้นจากการที่เขาได้งานเป็นคนดูแลเอกสารในโกดังของลุงที่เมืองลิสบอน แล้วเขาก็ตกหลุมรักสาวผมบลอนด์ที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้ามและต้องการแต่งงานกับ เธอโดยพลัน แต่ลุงของมาคาริโอ้ไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับรักครั้งนี้จึงไล่เขาออกจากงาน มาคาริโอ้เดินทางไปหาเงินที่เคป เวิร์ด จากนั้นก็กลับมาโน้มน้าวให้ลุงยอมรับในความรักระหว่างเขากับสาวผมบลอนด์ได้ อย่างไรก็ตาม เขากลับเริ่มพบว่ามีอะไรบางอย่างที่แปลกพิกลในตัวหญิงคนรักของตนเอง ที่น่าสนใจยิ่งกว่าเนื้อหาของหนังก็คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผล งานของ "มาโนเอล เดอ โอลิเวียร่า" ผู้กำกับวัยย่าง 101 ปี ชาวโปรตุเกส ซึ่งถือเป็นผู้กำกับหนังอายุมากที่สุดที่ยังทำงานอยู่เท่าที่ประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์โลกเคยมีมา


"Huacho" ภาพยนตร์ เรื่องแรกของ "อเลฮานโดร เฟอร์นานเดซ อัลเมนดราส" ผู้กำกับชาวชิลี ที่เล่าเรื่องราวของวันอันยาวนานช่วงปลายฤดูร้อน ซึ่งสมาชิกสี่คนในครอบครัวชาวนาของประเทศชิลีต้องดิ้นรนเพื่อปรับตัวให้เข้า กับโลกที่หมุนเวียนเปลี่ยนผัน โลกที่เกมคอมพิวเตอร์หรือเสื้อผ้าชุดใหม่มีความล้ำค่าพอ ๆ กับนมหนึ่งลิตรหรือไวน์หนึ่งแก้ว โลกที่เส้นแบ่งของวัฒนธรรมในประเพณีดั้งเดิมกับค่านิยมยุคใหม่เริ่มจะเลือน รางจางหาย ขณะที่คุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมซึ่งผู้คนยึดถือก็มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่าง รวดเร็ว


"35 Shots of Rum" ผลงานของ "แคลร์ เดอนีส์" ผู้กำกับสตรีวัย 63 ปี ที่ได้รับความนับถือมากที่สุดคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์ฝรั่งเศส ซึ่ง เล่าเรื่องของ "ไลโอเนล" พ่อม่ายที่อาศัยอยู่กับลูกสาวชื่อ "โจเซฟีน" ในอพาร์ตเม้นต์ละแวกชานเมืองของปารีส ไลโอเนลเป็นคนขับรถไฟ ส่วนโจเซฟีนเป็นหญิงสาวที่อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง พ่อและลูกสาวคู่นี้ต่างฝ่ายต่างคอยดูแลซึ่งกันและกันราวกับทั้งโลกมีเขาและ เธออยู่เพียงแค่สองคน อย่างไรก็ตามโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขา ชีวิตที่เรียบง่ายของทั้งคู่จึงเริ่มคลอนแคลน


"Cloud 9" หนังเยอรมันของผู้กำกับ "แอนเดรส เดรสเซ่น" ที่เล่าเรื่องราวของ "อิง เก" หญิงชราวัย 60 เศษ ที่แต่งงานมาแล้วกว่า 30 ปีและรักเทิดทูนสามีของตนเองมาก แต่แล้วเธอกลับลุ่มหลงแรงดึงดูดของ "คาร์ล" ชายชราวัย 76 มันคือแรงปรารถนาอันดุดัน เป็นกามผัสสะสุดสวาทที่ทำให้อิงเกรู้สึกราวกับได้ย้อนคืนกลับไปเป็นสาววัย แรกแย้ม


"Antichrist" ภาพยนตร์ ของ "ลาร์ส ฟอน ทรีเยร์" คนทำหนังที่ได้รับการยกย่องว่าอาจเป็นผู้กำกับที่ทะเยอทะยานและมีเอกลักษณ์ มากที่สุดของประเทศเดนมาร์กในรอบ 60 ปี  ในหนังเรื่องนี้ ฟอน ทรีเยร์ นำเสนอเรื่องราวของสองสามีภรรยาผู้จมจ่อมอยู่ในห้วงทุกข์จากการสูญเสียลูก ชายตัวน้อย เขาและเธอหลีกเร้นเข้าไปเยียวยาจิตใจในบ้านพักกลางป่า แต่ธรรมชาตินั้นมีวิถีทางของมันเองและค่อย ๆ กลับกลายเป็นฝันร้ายที่พาทั้งคู่จมดิ่งลงไปสู่ความมืดมนอนธการ สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ Antichrist สามารถส่งให้นักแสดงสาวชาวฝรั่งเศส "ชาร์ล็อตต์ แกงสบูร์ก" คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี ค.ศ.2009 มาครอบครองได้สำเร็จ


"Dogtooth" หนังของผู้กำกับชาวกรีซ "ยอร์กอส แลนธิมอส" ที่คว้ารางวัลสาขา "หนังที่ได้รับการจับตามอง" (Un Certain Regard) จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี ค.ศ.2009  ซึ่ง เล่าเรื่องราวของพ่อแม่และลูกสามคนที่อาศัยอยู่ในบ้านย่านชานเมือง อันมีรั้วสูงกั้นล้อมบ้านเอาไว้ เด็กทั้งสามจึงไม่เคยย่างกรายออกไปนอกรั้ว พวกเขาเรียนหนังสือ เล่นสนุก และนั่ง ๆ นอน ๆ ไปตามวิถีที่พ่อแม่เห็นสมควรโดยไม่เคยได้สัมผัสกับโลกภายนอก พวกเขาเชื่อว่าเครื่องบินที่บินผ่านฟ้าคือของเล่นอย่างหนึ่ง และคำว่า "ซอมบี้" หมายถึงดอกไม้เล็ก ๆ สีเหลือง คนนอกเพียงคนเดียวที่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้คือสตรีชื่อ "คริสติน่า" วันหนึ่งคริสติน่าให้ที่คาดผมเป็นของขวัญวันเกิดแก่ลูกสาว 1 ใน 3 คนของบ้าน แต่เธอก็เอ่ยปากขอบางสิ่งเป็นการตอบแทนจากเด็กสาวที่ไม่เคยก้าวออกไปเผชิญ หน้ากับโลกภายนอก


"I Killed My Mother" หนัง ที่สร้างความฮือฮาในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี ค.ศ.2009 จากฝีมือการกำกับของ "ซาเวียร์ โดแลน" เด็กหนุ่มชาวแคนาดาวัย 20 ปี ซึ่งเล่าเรื่องราวของ "ฮิวเบิร์ต มิเนล" หนุ่มวัยรุ่นอายุ 17 ปี ผู้ไม่ชอบแม่ของตนเองอย่างรุนแรง เขาสามารถหงุดหงิดได้เพียงแค่มองเห็นแม่สวมเสื้อสเว็ตเตอร์แสนเชยล้าสมัย มองเห็นของแต่งบ้านหน้าตาโหล ๆ หรือมองเห็นเศษขนมปังที่เล็ดรอดออกจากมุมปากของแม่ แต่ลึกลงไปเบื้องหลังความรำคาญดังกล่าว กลับเป็นสิ่งที่แม่ได้ปลูกฝังเอาไว้ในตัวฮิวเบิร์ตอย่างแน่นหนา นั่นคือความพยายามจัดการตัวเองและความรู้สึกผิด ฮิวเบิร์ตสับสนกับความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งเกลียดแม่ของตัวเองมากยิ่งขึ้น เรื่อยๆ ในแต่ละวันเขาอยู่กับช่วงชีวิตที่กระชากไปมาระหว่างการเป็นวัยรุ่นทั่วไปกับ วัยรุ่นตกขอบ เขาเริ่มคบหาเพื่อนใหม่ ๆ เสพงานศิลป์ หลบเร้นจากสังคม และมีความสัมพันธ์ทางเพศ แต่ไม่ว่าจะทำอะไร หัวใจของฮิวเบิร์ตก็ห่อหุ้มไปด้วยความรู้สึกดูแคลนต่อผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยรัก
 

"Vincere" ภาพยนตร์ของผู้กำกับชาวอิตาลีที่เป็นอดีตนักศึกษาปรัชญาอย่าง "มาร์โค เบลล็อคคิโอ" ซึ่ง เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ "ไอด้า ดัลเซอร์" ภรรยาลับ ๆ ของ "เบนิโต มุสโสลินี" อดีตผู้นำเผด็จการฟาสซิสต์ของอิตาลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ไอด้าได้พบมุสโสลินีที่มิลาน เขาเป็นนักสังคมนิยมตัวยงที่ตั้งใจนำพามวลชนไปสู่อนาคตที่เสรีปราศจากการกด ขี่และระบอบกษัตริย์ เธอหลงใหลและเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของเขาอย่างรุนแรง สำหรับไอด้า มุสโสลินีคือวีรบุรุษ เธอจึงยอมขายทุกอย่างที่มีเพื่อนำเงินไปให้มุสโสลินีก่อตั้งหนังสือพิมพ์และ พรรคการเมืองฟาสซิสต์ตามที่เขาปรารถนา ไอด้ามีลูกชายหนึ่งคนกับมุสโสลินี ลูกชายผู้เป็นที่ยอมรับในวันลืมตาดูโลกแต่กลับถูกปฏิเสธในภายหลังจากผู้เป็น พ่อ ต่อมาไอด้า อัลเซอร์ กลายเป็นความมืดดำในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งปลาสนาการไปจากชีวประวัติอันเป็นทางการของผู้นำเผด็จการชาวอิตาลี


"Adhen" (Darnier Maquis) หนังของ "ราบาห์ อะเมอร์-ไซเมเค" คนทำหนังเชื้อสายอัลจีเรียที่อพยพมาเป็นพลเมืองของประเทศฝรั่งเศส ซึ่ง เล่าเรื่องของ "เหมา" หัวหน้าคนงานชาวมุสลิมที่เป็นเจ้าของบริษัทซ่อมแซมรถบรรทุกและแท่นโลหะ ในพื้นที่อุตสาหกรรมเสื่อมโทรมชานกรุงปารีส  ลูกจ้างของเขาส่วนใหญ่เป็นชาวอาหรับหรืออัฟริกันมุสลิม บางคนที่ไม่ใช่มุสลิมก็คิดจะเปลี่ยนศาสนา วันหนึ่งเหมาตัดสินใจตั้งมัสยิดขึ้นและแต่งตั้งอิหม่ามโดยไม่ได้ปรึกษากลุ่ม คนงานก่อน ความสับสนวุ่นวายจึงเกิดขึ้นตามมา


"Double Take" หนังสารคดีสุดพิสดารของ "โยฮัน กริมอนเปรซ" ผู้กำกับชาวเบลเยี่ยม ใน ภาพยนตร์เรื่องนี้คุณจะได้พบทั้งอัลเฟรด ฮิตช์ค็อก สงครามเย็น ลัทธิคลั่งทีวี การเมืองเรื่องเพศ และปริศนาเร้นลับของด็อปเปิลแกงเกอร์ โดยผู้กำกับภาพยนตร์ระดับตำนานผู้ล่วงลับอย่าง "อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก" ถูกทำให้มีสถานะเป็นศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์จอมวิตกจริตที่ตกอยู่ใน สถานการณ์ชวนพิพักพิพ่วนยามสงครามเย็น ท่านศาสตราจารย์พูดจาผิดที่ผิดทาง ส่วนนักการเมืองทั้งหลายก็เกิดอาการตะกุกตะกักตอนพยายามจะพูดอะไรให้ถูกต้อง ภายใต้รูปแบบและเนื้อหาหลุดโลก หนังสารคดีแนวทดลองเรื่องนี้มุ่งสำรวจกระแสการเมืองทั่วโลกในยุคปัจจุบันที่ พยายามจะ "ทำความกลัวให้กลายเป็นสินค้า"


"Redemption" ภาพยนตร์สารคดีของผู้กำกับสาวชาวเยอรมัน "ซาบรีน่า วัล์ฟ" ที่มุ่งติดตามชีวิตของหนุ่มชาวอเมริกันสามคนซึ่งเดินทางไปยังประเทศแคนาดาเพื่อหนีทหาร หนังย้อนความทรงจำไปเมื่อครั้งที่ชายหนุ่มกลุ่มนี้ต้องเดินทางจากบ้านเกิด ซึ่งเป็นย่านชานเมืองอันไร้ชีวิตชีวาในเท็กซัส อินเดียน่า และนิวยอร์ค เพื่อไปร่วมรบในสงครามอัฟกานิสถานและอิรัก แต่เหตุการณ์ในสนามรบทำให้ทั้งสามคนเกิดอาการช็อคและต้องทนทุกข์ พวกเขาจึงพยายามหาทางลาออกจากกองทัพในช่วงที่ถูกส่งตัวกลับมาพักผ่อนที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตจากทางรัฐบาล หลังจากทนทุกข์ทรมานอยู่นานหลายเดือน ชาย หนุ่มทั้งสามจึงนึกถึงความเป็นไปได้เพียงหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากความ ทรมานดังกล่าวได้ นั่นคือการหลบหนีออกจากมาตุภูมิ โดยการข้ามชายแดนไปสู่แคนาดาเช่นเดียวกับที่ผู้คนนับพันเคยทำมาแล้วในช่วง สงครามเวียดนาม


ทั้งนี้ ผู้สนใจจะไปชมภาพยนตร์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ประจำปี พ.ศ.2552 สามารถตรวจสอบตารางเวลาการฉายหนังเรื่องต่าง ๆ ได้ที่ http://www.bangkokfilm.org

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1253272576&grpid=no&catid=08

--
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp
http://www.bangkokfilm.org

แนะนำหนังน่าสนใจในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ: หนังเอเชีย

 

Petition


The Time that Remains


The Queen and I

 
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 19:00:42 น.  มติชนออนไลน์

แนะนำหนังน่าสนใจในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ: หนังเอเชีย

นอกจากภาพยนตร์ที่น่าสนใจจากประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้ว เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯประจำปี พ.ศ.2552 ก็ยังคัดเลือกหนังที่มีประเด็นน่าสนใจจากประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชียมาจัดฉาย เช่น


"Visitors : Jeonju Digital Project 2009" คือภาพยนตร์สั้น 3 เรื่องในโครงการ Jeonju Digital Project ซึ่ง เป็นโครงการที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติจอนจู ประเทศเกาหลีใต้จัดขึ้นทุกปีเพื่อสนับสนุนให้นักสร้างภาพยนตร์ทดลองค้นหา อนาคตของภาพยนตร์ผ่านสื่อดิจิตอล โดยในปี ค.ศ.2009 ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปีของโครงการ ดังนั้นทางเทศกาลจึงได้ชักชวน 3 ผู้กำกับแนวหน้าชาวเอเชียมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้เพื่อรำลึกถึงจุด เริ่มต้นของโครงการ ผู้กำกับ 3 คนดังกล่าว ได้แก่ "นาโอมิ คาวาเสะ" ผู้กำกับหญิงชาวญี่ปุ่น ซึ่งเคยสร้างสถิติเป็นคนทำหนังอายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัล "กล้องทองคำ" จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เมื่อปี ค.ศ.1997 "ลาฟ ดิแอซ" ผู้กำกับชาวฟิลิปปินส์ที่เคยคว้ารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์เวนิซ และ "ฮอง ซาง ซู" ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ที่มีผลงานเข้าประกวดที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2 ปีซ้อน ในปี ค.ศ.2004 และ 2005


"Petition" หนัง สารคดีของผู้กำกับจีน "จ้าวเหลียง" ที่นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1996 เขาได้ติดตามบันทึกภาพบรรดา "ผู้ร้องเรียน" จากทั่วประเทศจีน ซึ่งเดินทางเข้ามายังกรุงปักกิ่งเพื่อร้องเรียนให้รัฐบาลกลางรับทราบถึง ปัญหาความไม่เป็นธรรมอันเกิดจากการปฏิบัติงานที่บกพร่องของหน่วยงานรัฐการ ส่วนท้องถิ่น โดยกลุ่มคนเหล่านี้ ที่มีทั้งชาวนาที่ถูกไล่ที่ คนงานจากโรงงานที่ล้มละลาย เจ้าของบ้านที่ถูกรื้อถอนโดยไม่ได้รับค่าชดเชยซ้ำยังถูกข่มขู่จากเจ้า หน้าที่รัฐ จะร่วมกันสร้างเพิงพักชั่วคราวบริเวณสถานีรถไฟของปักกิ่งและเฝ้าหวังที่จะ ได้รับความยุติธรรมกลับคืน  พวกเขาพยายามดิ้นรนในทุกวิถีทางแม้จะต้องพบกับความสูญเปล่าในเบื้องท้าย หนัง สารคดีเรื่องนี้ติดตามเรื่องราวของกลุ่มผู้ร้องเรียนไปจนถึงช่วงเวลาของการ เปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี ค.ศ.2008 ซึ่งเผยให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตอันลักลั่นในประเทศมหาอำนาจที่เศรษฐกิจกำลัง เบ่งบานสวนทางกับความเป็นอยู่ของผู้คนส่วนใหญ่


"The Time that Remains" ผลงานของผู้กำกับเชื้อสายปาเลสไตน์ "อีเลีย ซูไลมาน" ซึ่งเป็นภาพยนตร์กึ่งชีวประวัติที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบันทึกของบิดาผู้ เคยเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวปาเลสไตน์เมื่อปี ค.ศ.1948 ของผู้กำกับ และจดหมายของมารดาผู้กำกับที่ส่งถึงเครือญาติซึ่งจำต้องหนีออกนอกประเทศใน ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องเศร้าระคนสุขนี้บอกเล่าถึง ชีวิตของชาวปาเลสไตน์ในช่วงเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะชีวิตของบรรดาผู้ที่ถูกตีราว่าเป็น "อาหรับอิสราเอล" ซึ่งต้องกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเอง


"Across the River" หนัง ของผู้กำกับอิหร่าน "อับบาส อาห์มาดี มอทลากห์" ที่เล่าเรื่องราวของช่างภาพคนหนึ่งซึ่งติดอยู่กลางทุ่งร้างกับทหารอิรักนาย หนึ่งและทหารอิหร่านอีกนายหนึ่งในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน โดยทหารทั้งคู่ต่างผลัดกันจับอีกฝ่ายเป็นเชลยศึกด้วยปืนที่เหลืออยู่เพียง กระบอกเดียว และพากันเดินไปอย่างไร้จุดหมายบนผืนดินที่ถูกแสงแดดแผดเผา เมื่อต่างตระหนักดีว่าชีวิตของพวกตนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว สุดท้าย ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างทหารจากสองประเทศที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันจึง เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีช่างภาพผู้นั้นเป็นพยานรับรู้แต่เพียงผู้เดียว

 

"The Queen and I" หนัง สารคดีของผู้กำกับหญิงชาวอิหร่านที่ลี้ภัยไปอยู่ประเทศสวีเดนอย่าง "นาฮิด เพิร์สซัน ซาร์เวสทานี" ซึ่งเมื่อปี ค.ศ. 1979 ขณะที่ซาร์เวสทานียังเป็นนักศึกษาวัยรุ่น เธอเคยมีส่วนร่วมในการปฏิวัติล้มล้างระบอบกษัตริย์ของอิหร่าน แต่ผลงานหนังสารคดีเรื่องนี้กลับมีเนื้อหาเกี่ยวกับราชินีคนสุดท้ายของ ประเทศผู้เป็นอดีตปฏิปักษ์ของเธอ ทว่าในปัจจุบัน ผู้หญิงทั้งสองคนต่างเป็นคนที่ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนเพราะต้องลี้ ภัยจากรัฐบาลสาธารณรัฐอิสลาม ดังนั้น เมื่อได้พบกันอีกครั้ง ทั้ง คู่จึงใช้เวลาร่วม 2 ปีในการพูดคุยถึงอดีต ตั้งคำถามกับความคิดความเชื่อของแต่ละฝ่าย ร่วมแบ่งปันความคับข้องใจ กระทั่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างตระหนักว่าพวกตนคือผู้หญิงที่ต้องลุกขึ้นสู้กับความยาก ลำบากทั้งมวลเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม


"Shirin" หนังของผู้กำกับภาพยนตร์ที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของประเทศอิหร่านอย่าง "อับบาส เคียรอสตามี" ซึ่ง ตัวละครหญิงสาวชื่อ "ชิริน" จะมาบอกเล่าเรื่องราวความรักอันร้อนแรงระหว่างเธอกับ "เนซามี" กวีอิหร่านสมัยศตวรรษที่ 12 ให้แก่กลุ่มผู้ชมภาพยนตร์ อันประกอบไปด้วยนักแสดงหญิงชาวอิหร่าน 14 คน และนักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศสอีกคนหนึ่ง คือ "จูเลียต บินอช" ได้รับฟัง โดย ผู้ชมทั้ง 15 คนต่างมีความรู้สึกร่วมไปกับเรื่องราวของตัวละครหญิงสาว จนกระทั่งพวกเธอได้กลายเป็นตัวเดินเรื่องในภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกับชิรินใน ท้ายที่สุด

 

ทั้งนี้ ผู้สนใจจะไปชมภาพยนตร์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ประจำปี พ.ศ.2552 สามารถตรวจสอบตารางเวลาการฉายหนังเรื่องต่าง ๆ ได้ที่ http://www.bangkokfilm.org

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1253188611&grpid=no&catid=08

--
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp
http://www.bangkokfilm.org

แนะนำหนังน่าสนใจในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2552: หนังอาเซียนและหนังไทย


สวรรค์บ้านนา


Aurora


Independencia


Burma VJ


เชิด ทรงศรี

 
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 19:40:15 น.  มติชนออนไลน์

แนะนำหนังน่าสนใจในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2552: หนังอาเซียนและหนังไทย

แม้จะเพิ่งมีข่าวคราวคดีทุจริตติดสินบนระหว่างชาวต่างชาติกับอดีตผู้ว่า การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.2550 อย่างไรก็ตาม เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติดังกล่าวก็ยังเดินหน้าจัดงานมาอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ด้วยทีมงานชาวไทยที่ไม่ใช่ชาวต่างชาติในระยะหลัง


ในปีนี้ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯก็จะหวนกลับมาจัดงาน อีกครั้งระหว่างวันที่ 24-30 กันยายน ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ เวิลด์ ซินีม่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมด้วยหนังนานาชาติจำนวนมากมายหลายเรื่อง


หากตัดเรื่องราวทุจริตในอดีตทิ้งไป เราก็จะพบว่าอย่างน้อยภาพยนตร์จากนานาประเทศที่ถูกนำเข้ามาฉายในเทศกาล ภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ก็ถือเป็นสื่อที่เชื่อมต่อกับแหล่งความรู้ในโลกกว้างซึ่งมีราคาถูกและเข้า ถึงได้ง่ายที่สุดอีกชนิดหนึ่งสำหรับคนไทยหากเปรียบเทียบกับหนังสือ โดยในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯครั้งนี้ ก็มีการนำหนังอาเซียนและไทยที่น่าสนใจหลาย ๆ เรื่องมาจัดฉาย ได้แก่


"Aurora" หนังของผู้กำกับชาวฟิลิปปินส์ "อดอลโฟ อลิซ จูเนียร์" ซึ่งเล่าเรื่องของ "ออ โรร่า" หญิงสาวนักกิจกรรมทางสังคม ที่ถูกลักพาตัวไปโดยสมาชิกกลุ่มกบฏ Lost Command แต่กลุ่มกบฏที่ลักพาตัวเธอกลับต้องเผชิญหน้ากับการถล่มยิงของทหารกลางดึก ทำให้เธอพลัดหลงจากกลุ่มและเดินทางไปอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางป่าทึบ ในที่สุดเธอก็ได้พบกับหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มกบฏที่ลักพาตัวเธอมา ออโรร่าพยายามหลบหนีเขา เมื่อยามอรุณรุ่งมาถึงเธอจะยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่?
 

"Independencia" ภาพยนตร์ของผู้กำกับชาวฟิลิปปินส์วัย 25 ปี "รายา มาร์ติน" ซึ่งเพิ่งได้ร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปีนี้ หนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศฟิลิปปินส์เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ที่เสียงของสงครามดังสนั่นตอบรับการเดินทางเข้ามาของกองทัพอเมริกัน กระทั่งมารดาวัยชราและบุตรชายคู่หนึ่งต้องพากันหลบหนีเข้าไปใช้ชีวิตอัน เงียบและเรียบง่ายกลางหุบเขา วันหนึ่งบุตรชายได้ช่วยเหลือสตรีบาดเจ็บผู้หนึ่งกลางป่าและพาเธอกลับมาที่ บ้าน เมื่อเวลาผันผ่านไป ชายหนุ่ม หญิงสาว และลูกของพวกเขาอาศัยอยู่ในป่าตัดขาดจากโลกภายนอกอันยุ่งเหยิง แต่เมื่อมีพายุใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นก็ทำให้ครอบครัวดังกล่าวเริ่มรู้สึกหวาด หวั่น อีกทั้งเหล่าทหารอเมริกันก็กำลังเดินทัพเข้ามาใกล้พวกเขามากยิ่งขึ้นทุกที


"Kinatay" ภาพยนตร์ฟิลิปปินส์ของผู้กำกับ "บริลลันเต้ เมนโดซ่า" ที่ทำให้เมนโดซ่าสามารถคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี ค.ศ.2009 มาได้เป็นผลสำเร็จ หนัง เล่าเรื่องราวของตัวละครชื่อ "เปปิง" ที่กำลังฝันหวานเพราะกำลังจะได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ให้กำเนิดลูกแก่เขา แต่เขาเป็นเพียงนักเรียนตำรวจจน ๆ คนหนึ่ง จึงจำเป็นต้องรับงานนอกหน้าที่เพื่อหารายได้พิเศษ เปปิงคุ้นเคยดีกับการหาเงินระยะสั้นในแวดวงค้ายา เขาจึงเผลอตกปากรับงานที่ให้เงินดีจากเพื่อนเลวคนหนึ่ง ชายหนุ่มพลัดตกลงไปสู่การเดินทางท่ามกลางความมืดมนอันหนักหน่วง เมื่อได้รู้เห็นการลักพาตัวและทรมานโสเภณีสาวรูปงาม เขาตื่นกลัวและหมดหนทางไปเมื่อต้องทำทุกสิ่งภายใต้การควบคุมของฆาตรกรโรคจิต ชายหนุ่มจึงต้องทบทวนตนเองว่าหรือแท้จริงแล้วตัวเขานั่นเองที่คือฆาตกร?


"Jamila and The President" หนังอินโดนีเซียของผู้กำกับ "รัตนา ซารุมแพท" ที่เล่าเรื่องของ "จา มิล่า" หญิงโสเภณีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต เพราะเธอยอมรับความผิดฐานฆ่ารัฐมนตรีอาวุโสคนหนึ่ง โดยไม่ร้องขอทนายความหรือขอลดหย่อนโทษ กรณีของเธอทำให้เกิดการถกเถียงกันไปทั่วประเทศ ตามด้วยปฏิกิริยาจากทหารกลุ่มหนึ่งที่พยายามบีบให้รัฐบาลตัดสินลงโทษเธอด้วย การประหารชีวิต ขณะเดียวกัน ชีวิตในคุกก็ค่อยๆ เผยให้เห็นถึงชีวิตวัยเยาว์ของจามิล่า ซึ่งเธอตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ที่กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในหลาย พื้นที่ และจามิล่าก็คือตัวแทนของเด็กนับล้านคนที่ถูกขายเพราะความยากจนและด้อยการศึกษา


รวมภาพยนตร์สั้นเรื่อง "9808" จากประเทศอินโดนีเซีย เป็นโครงการที่นำหนังสั้นจำนวน 10 เรื่องจาก 10 ผู้กำกับ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้กำกับภาพยนตร์ ศิลปิน นักดนตรี และนักวิชาการ ที่รวมตัวกันในนามกลุ่ม "Umbrella Project" มาฉายร่วมกันเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปี แห่งการปฏิรูปการเมืองในอินโดนีเซีย เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2008 โดยหนังสั้นแต่ละเรื่องจะมีมีจุดเน้นที่แนวคิดของยุคปฏิรูปการเมืองและความ หมายที่แท้จริงของเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเล่าผ่านสายตาของประชาชนคนธรรมดาซึ่งถือเป็นวีรชนตัวจริงของประเทศ


"Malaysian Gods" หนังสารคดีมาเลเซียของผู้กำกับ "อามีร์ มูฮัมหมัด" ที่ ตั้งใจจะสะท้อนเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1998 ซึ่ง "นายอันวาร์ อิบบราฮิม" ถูกปลดออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และต้องขึ้นศาลในคดีคอร์รัปชั่นและการร่วมเพศทางทวารหนัก ส่งผลให้มีผู้คนจำนวนมากที่เห็นว่ารัฐบาลใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมได้ร่วมกัน มาเดินประท้วงตามท้องถนน ต่อมามีการเรียกช่วงเวลาดังกล่าวว่า "ยุคปฏิรูป" โดยมูฮัมหมัดได้เข้าไปสำรวจเหตุการณ์การประท้วงครั้งนั้น ผ่านการสัมภาษณ์บรรดาบุคคลที่เคยใช้ชีวิต ทำงาน หรือได้แวะเวียนไปยังบริเวณที่เกิดเหตุการประท้วงเมื่อ 10 ปีก่อน โดยใช้ภาษาทมิฬ ซึ่งเป็นภาษาของกลุ่มเชื้อชาติที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในบรรดาสามเชื้อ ชาติหลักของมาเลเซีย เป็นภาษาในการสื่อสาร เพื่อสอบถามว่าบุคคลทั้ง หลายคิดอย่างไรกับชีวิต ความหวัง และความฝัน และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้นได้สร้างความเปลี่ยนแปลงใดให้แก่ มาเลเซียหรือไม่


"BURMA VJ: REPORTING FROM A CLOSED COUNTRY" หนังสารคดีเกี่ยวกับประเทศพม่าของผู้กำกับชาวเดนมาร์คชื่อ "แอนเดอร์ส ฮอกสโบร ออสเทอร์การ์ด" ที่ บันทึกเรื่องราวของเหล่า Video Journalist หรือ VJ ซึ่งเป็นหน่วยข่าวลับในประเทศดังกล่าวที่มีเครื่องมือประจำตัวคือกล้อง วิดีโอพกพาขนาดเล็ก พวกเขาแอบส่งภาพความเป็นไปของประเทศออกสู่โลกภายนอกแม้จะเสี่ยงต่อชีวิตและ อาจต้องติดคุกก็ตาม "โจชัว" ชายหนุ่มวัย 27 ปี เป็นผู้นำด้านกลยุทธ์ของนักข่าวกลุ่มนี้ โดยในช่วงที่พระสงฆ์ชาว พม่าลุกฮือขึ้นประท้วงรัฐบาลทหาร ขณะที่บรรดาสำนักข่าวต่างชาติก็ถูกสกัดกั้นไม่ให้เข้าประเทศพม่า เขาและทีมงานจึงกลายเป็นคนกลุ่มเดียวที่สามารถส่งภาพการปฏิวัติด้วยชายจีวร ของคณะสงฆ์ออกสู่จอโทรทัศน์ทั่วโลกได้ เมื่อรัฐบาลทหารตระหนักถึงพลังของกลุ่มคนผู้ถือกล้องวิดีโอตัวเล็กๆ เหล่านี้ บรรดา VJ จึงตกเป็นเป้าหมายที่ต้องถูกกำจัด


"สวรรค์บ้านนา" (Agrarian Utopia) ผลงานหนังสารคดีของ "อุรุพงษ์ รักษาสัตย์" บัณฑิตสาขาภาพยนตร์จากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เกิดมาในครอบครัวชาวนาที่ อ.เทิง จ.เชียงราย ที่สามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติมาได้หลายรางวัล หนังถ่ายทอดภาพชีวิตของชาวนาสองครอบครัวผู้ซึ่งที่นาถูกยึด ต่อมาพวกเขาได้มาร่วมทำนาบนผืนดินเแผ่นดียวกัน และหวังว่าจะสามารถผ่านชีวิตหนึ่งปีของการทำนาไปได้เหมือนเช่นทุก ๆ ปีที่ผ่านมา  ดูเหมือนว่าไม่ว่าโลก ประเทศ หรือสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม จะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ชาวนาเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถนึกฝันถึงวิถีแห่งความไม่ทุกข์ยากได้ สุดท้ายหนังพยายามตั้งคำถามว่า "เราจะฝันถึงโลกอุดมคติได้อย่างไร ขณะที่ท้องยังหิวอยู่"

 

นอกจากนั้น ยังจะมีการจัดฉายหนังเพื่อรำลึกถึงผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทยและมาเลเซียผู้ล่วงลับ ได้แก่ "เชิด ทรงศรี" และ "ยาสมิน อาห์หมัด" ทั้งนี้ ผลงานหนัง 3 เรื่องของเชิดที่จะถูกนำมาฉายในเทศกาลคือ "แผลเก่า" "พลอยทะเล" และ "ข้างหลังภาพ" ส่วนผลงานหนัง 3 เรื่องของอาห์หมัดที่จะถูกนำมาฉายในเทศกาลคือ "Chocolate" "Sepet" และ "Talentime"

 

ทั้งนี้ ผู้สนใจจะไปชมภาพยนตร์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ประจำปี พ.ศ.2552 สามารถตรวจสอบตารางเวลาการฉายหนังเรื่องต่าง ๆ ได้ที่ http://www.bangkokfilm.org

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1253103998&grpid=no&catid=08

--
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp
http://www.bangkokfilm.org